Skip links

เวลาไปสัมภาษณ์งานเราควรถามอะไรผู้สัมภาษณ์กลับบ้าง?

เวลาไปสัมภาษณ์งานเราควรถามอะไรผู้สัมภาษณ์กลับบ้าง?

ไม่ว่าจะไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ที่ไหนก็ตามความเตรียมพร้อมในข้อมูล ประสบการณ์ของตัวเองนั้นเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ที่ผู้สัมภาษณ์จะใช้ในการสังเกตว่าจะรับเราเข้าทำงานหรือไม่ แต่เราเองก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันว่างานที่เราสมัครไปนั้นเป็นอย่างที่เราต้องการหรือพึงพอใจจริงๆ มั้ย ซึ่งนอกเหนือจากการอ่าน Job description แล้วยังมีช่วงจังหวะหลังสัมภาษณ์เสร็จที่เราสามารถถามผู้สัมภาษณ์กลับแต่เราจะถามอะไรดี? ถามอะไรเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเพื่อการตัดสินใจที่ชัดเจนขึ้น?

แล้วคำถามที่คิดว่าน่าถามผู้สัมภาษณ์มีอะไรบ้างนะ?

 

 

1.หน้าที่ความรับผิดชอบรายวันของงานตำแหน่งนี้มีอะไรบ้าง?

– เป็นการถามเพื่อได้รู้ว่างานในแต่ละวันที่ควรทำมีอะไรบ้าง และได้รู้ว่าควรมีทักษะฝีมืออะไรอีกบ้างนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน Job Description และสิ่งสุดท้ายคือช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่างานนี้เราอยากทำมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในบางตำแหน่งงานนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบที่หลากหลาย เช่น ตำแหน่งพนักงานธุรการ(admin) เจ้าหน้าที่ประสานงาน(coordinator) และตำแหน่งงานอื่นๆ ที่หน้ารับรับผิดชอบของเรานั้นค่อนข้างมีรายละเอียด อีกทั้งยังเป็นการยืนยันกับผู้สัมภาษณ์ว่าถ้าเข้าไปทำงานแล้วได้งานตามที่ตกลงกันไว้อีกด้วย

 

 

 

2.วัฒนธรรมขององค์กรนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

– เป็นการถามเพื่อให้รู้ว่าเราสามารถปรับตัวกับวัฒนธรรมองค์กรนี้มากน้อยแค่ไหน ชอบหรือไม่ชอบนั่นเอง เราอาจจะเคยอยู่กับบริษัทที่มีบรรยากาศการทำงานแบบเป็นกันเอง สนุกสนาน เฮฮา แต่เมื่อย้ายมาบริษัทที่ใหญ่ขึ้น สภาพแวดล้อมการทำงานและกฎระเบียบมีความชัดเจนขึ้น การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่เราจะต้องเจอทุกครั้งที่เปลี่ยนงานเมื่อไปอยู่ในบริษัทแห่งใหม่

 

 

 

3.ใครเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งขององค์กรคุณในตอนนี้?

– โดยปกติเราจะรู้อยู่แล้วโดยคร่าวๆ ว่าคู่แข่งของบริษัทคือใคร แต่การถามคำถามนี้จะช่วยให้เราได้ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับองค์กรเรา กับคู่แข่งมากขึ้น และหาจากที่อื่นไม่ได้ เพราะการที่มีคู่แข่งเกิดขึ้น บริษัททั้งหลายต่างก็ศึกษาพฤติกรรมการเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมกับพัฒนาธุรกิจของตัวเองไปด้วย ทำให้เราเข้าใจภาพรวมการแข่งขันทางธุรกิจทั้งสองบริษัทอย่างคร่าวๆ ก่อนที่เราจะได้มีโอกาสได้เข้าไปร่วมงานและสร้างความแตกต่างให้โดดเด่นกว่าบริษัทคู่แข่งในอนาคต

 

 

 

4.คุณคาดหวังว่าในอีก 30 วันหรือ 60 วันต่อจากนี้เราเป็นอย่างไรในตำแหน่งงานคุณมอบให้เรา?

-เป็นการถามเพื่อให้รู้ว่าผู้สัมภาษณ์ต้องการคนแบบไหนมาทำงานตำแหน่งนี้ และเราสามารถเป็นคนที่ผู้สัมภาษณ์คาดหวังไว้ได้หรือเปล่า เป็นการประเมินตัวเองไปด้วยว่าตำแหน่งงานนี้เราสามารถรับมือในระยะเวลาสั้น ๆ แค่ 1 เดือน หรือ 2 เดือน กับตำแหน่งงานที่เราได้มานั้นหรือไม่ เพื่อที่เราจะได้พัฒนาและปรับตัวให้เข้ากับหน้าที่การงานตำแหน่งใหม่ของเรามากที่สุด

 

 

 

5.แล้วคุณสมบัติ หรือ Career Path แบบไหนที่จะทำให้เราก้าวหน้าในตำแหน่งงานนี้?

–  การวางแผน career Path จะช่วยให้ชีวิตการทำงานที่ดูจาง ๆ นั้นมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้น ทุกคนมีเป้าหมายชีวิตการทำงานที่แตกต่างกัน การกำหนดเป้าหมายในอนาคตที่วางไว้เพื่อเป็นแรงผลักดันในการก้าวหน้าในการทำงานของเรา ซึ่งการถามคำถามนี้กับผู้สัมภาษณ์เพื่อให้รู้ว่าการเลื่อนตำแหน่ง หรือการเติบโตในหน้าที่การงานของบริษัทนี้มีเงื่อนไขอย่างไร และยังเป็นการแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเรามีความกระตือรือร้นและเป็นคนที่ไขว่คว้าความก้าวหน้ากับตำแหน่งงานนี้

 

 

 

 

6.ในอีก 5 ปีข้างหน้าองค์กรนี้จะเป็นอย่างไร?

– เด็กจบใหม่มีความอดทนในการทำงานน้อยลงและมักจะเปลี่ยนงานบ่อยเกือบทุกปี ซึ่งถ้าเราทำงานไปสักพักแล้วเจอสายงานที่ตัวเองชอบ อีกทั้งถ้าเราคิดว่าบริษัทนี้ ‘ใช่’ สำหรับเรา พร้อมที่จะร่วมทำงานไปอีกนาน การถามคำถามนี้กับผู้สัมภาษณ์จะแสดงให้เห็นว่าเรามีมุมมองและทัศนคติอย่างไรต่อบริษัท และได้รู้ว่าบริษัทนี้มีแผนการเติบโตมั้ย มากน้อยแค่ไหน และเราจะเติบโตไปกับบริษัทหรือไม่

 

 

 

7.ขั้นตอนต่อไปหลังจากสัมภาษณ์ครั้งนี้คืออะไร?

– หลายคนที่สัมภาษณ์เสร็จแล้วไม่ได้ถามคำถามนี้กับผู้สัมภาษณ์ และผู้สัมภาษณ์บางคนก็ไม่ได้บอกให้รู้เอาไว้ด้วยสิ บางคนก็รอจนเงียบหายไปโดยไร้สัญญาณใดๆ ตอบกลับ บางคนก็ได้งานแบบงงๆ ซึ่งคำถามนี้นอกจากจะช่วยให้เรารู้ขั้นตอนดำเนินการต่าง ๆ ใช้เวลาทำใจเท่าไหร่หลังจากเราสัมภาษณ์เสร็จไปแล้ว ยังช่วยแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะเริ่มงานเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

 

สรุปอย่างง่ายๆ เลยคือการสัมภาษณ์งานนั้นมันไม่ใช่การสื่อสารทางเดียวที่ให้ผู้สัมภาษณ์ถามแล้วเราตอบอย่างเดียว แต่มันคือการสื่อสารสองทางที่เปิดโอกาสให้องค์กรเห็นความมุ่งมั่น ความกระตือรือร้น และเข้าใจตัวเรามากขึ้นก่อนรับเราเข้าทำงาน และในขณะเดียวกันเราก็ได้รู้ข้อมูลมากขึ้นว่าองค์กรนี้มีวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างไร เพื่อนร่วมงานในอนาคตทำงานกันอย่างไร หน้าที่ความรับผิดชอบ โอกาสในการเติบโตในสายงาน และทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นว่าอยากทำงานที่องค์กรนี้หรือไม่นั่นเอง และสุดท้ายนี้อย่าลืมให้ PRTR เป็นเพื่อนช่วยคุณในการเลือกหางานที่ถูกใจนะคะ

====================

ฝากประวัติสมัครงานมากับเราที่ >>> bit.ly/2K333DY
หรือส่งเรซูเม่พร้อมบอกตำแหน่งงานที่ต้องการสมัครมาที่ applicant@prtr.com

เพียงบอกความต้องการของคุณ แล้วส่งข้อมูลมาเจ้าหน้าที่สรรหาของเราจะรีบให้ความช่วยเหลือคุณอย่างเร็วที่สุดค่ะ

“เพราะความสำเร็จของคุณ คือความสำเร็จของเรา”
PRTR

Top