Blog

#เลือกทางเดินถูกแล้วหรือยัง? #กับชีวิตการทำงาน8ชมต่อวัน หาคำตอบกับแบบทดสอบบุคลิกภาพ ” มนุษย์ 4 แบบ ” ที่จะช่วยให้ชีวิตการทำงานแบบเดิมๆ เพิ่มเติมไปด้วยความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทั้งตัวคุณเองและเพื่อนร่วมงาน เข้าใจกัน แฮปปี้กันไปทั้งออฟฟิศ   เพราะรูปแบบการใช้ชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน ทำให้มนุษย์แต่ละคนมีบุคลิกภาพที่หลากหลาย แต่เพื่อการเข้าใจตัวตนแต่ละคนให้ง่ายขึ้น บุคลิกของมนุษย์จึงได้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท

เวลาไปสัมภาษณ์งานเราควรถามอะไรผู้สัมภาษณ์กลับบ้าง? ไม่ว่าจะไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทเล็กหรือบริษัทใหญ่ที่ไหนก็ตามความเตรียมพร้อมในข้อมูล ประสบการณ์ของตัวเองนั้นเป็นปัจจัยลำดับต้นๆ ที่ผู้สัมภาษณ์จะใช้ในการสังเกตว่าจะรับเราเข้าทำงานหรือไม่ แต่เราเองก็มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันว่างานที่เราสมัครไปนั้นเป็นอย่างที่เราต้องการหรือพึงพอใจจริงๆ มั้ย ซึ่งนอกเหนือจากการอ่าน Job description แล้วยังมีช่วงจังหวะหลังสัมภาษณ์เสร็จที่เราสามารถถามผู้สัมภาษณ์กลับแต่เราจะถามอะไรดี? ถามอะไรเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเพื่อการตัดสินใจที่ชัดเจนขึ้น? แล้วคำถามที่คิดว่าน่าถามผู้สัมภาษณ์มีอะไรบ้างนะ?     1.หน้าที่ความรับผิดชอบรายวันของงานตำแหน่งนี้มีอะไรบ้าง? – เป็นการถามเพื่อได้รู้ว่างานในแต่ละวันที่ควรทำมีอะไรบ้าง และได้รู้ว่าควรมีทักษะฝีมืออะไรอีกบ้างนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน Job Description

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าศาสตร์การดูโหงวเฮ้งนั้นมีมานานนับพันปีแล้ว และในหลายเรื่องวิทยาศาสตร์ก็บอกไปในทางเดียวกันเสียด้วย  วันนี้ผู้เขียนมีข้อมูลสนุก ๆ เกี่ยวกับการดูนิสัยจากรูปปากมาฝากกันค่ะ เผื่อจะเอาไว้ส่องเพื่อนร่วมงานหรือหนุ่มที่เราแอบปิ๊งปั๊งดูบ้างเนอะ  วิทยาศาสตร์บอกได้ รูปปากแบบนี้นิสัยแบบไหน 1.ปากหนา อวบอิ่ม หากคุณมีรูปปากที่ค่อนข้างหนา อวบอิ่ม ราวกับแองเจลิน่า โจลี่ เขาว่ากันว่าเป็นคนที่ชอบใส่ใจคนอื่น มีความเป็นเพศแม่ในตัวสูง ชอบรับบทบาทในการดูแลปกป้องคนอื่น หรือสิ่งที่ดูบอบบางกว่า เช่น ดูแลเด็กน้อย

“หนูโดนคนอื่นใส่ร้าย ที่เขาพูดหนูไม่ได้ทำสักหน่อย ทำยังไงดี” เคยโดนใส่ร้ายมั้ยคะ เจ็บใจเนาะ เป็นใครก็ไม่รู้มาวุ่นวายกับชีวิตคนอื่น ชีวิตตัวเองดีแล้วนักรึไง สารพัดคำพูดที่เราจะขุดออกมาด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ วันนี้ผู้เขียนมีแนวความคิดดี ๆ จากนักคิดชื่อดังอย่างคุณบัณฑิต อึ้งรังสีมาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ เอาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้สบายเลย   ทำไมคนเราถึงกลัวการโดนใส่ร้ายกันนะ? เพราะที่สุดของการโดนใส่ร้าย คือกลัวว่าคนจะหลงเชื่อในน้ำคำของผู้พูด ก่อนอื่นมาถามตัวเองสักนิดก่อน เรื่องที่เขาพูดน่ะเราทำจริงไหม ถ้าทำจริง